Motocross เป็นกีฬาที่มาจากฝรั่งเศษ จะมีมอเตอร์ไซค์ เป็นอุปกรณ์หลักในการแข่งขัน ต่อมาได้รับความนิยมในอังกฤษ และเริ่มเข้าสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ ได้จัดทำการแข่งขันขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2542 ในการแข่งขันกีฬาเอกซ์เกมส์ และหลังจากนั้นก็เริ่มมีความนิยมขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจัดแข่งขันกันทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคำว่า “มอเตอร์ครอส” เป็นการผสมกันระหว่างคำว่า Motorcycle กับ Cross Country 

Motocross เป็นกีฬาที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่มบุคคน

Motocross แปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัว คือคำว่า “มอเตอร์ไซค์วิบาก” เป็น กีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่พัฒนามาจาก “ออฟโรด” ที่ทดลองใช้กับมอเตอร์ไซค์ ในลักษณะที่ลุย ๆ ซึ่ง Motocross เป็นกิจกรรม ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศอังกฤษ และกลายเป็นกีฬาที่ได้ความนิยมอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่จะมีการเรียกกีฬาชนิดนี้ได้หลายอย่าง เช่น Motox หรือ MX ซึ่งรูปแบบการแข่งขัน จะเลือกใช้เส้นทางที่เป็นถนนแบบขรุขระ มีความลื่นมากกว่าปกติ และมีสิ่งกีดขวางตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นอุปสรรคของ นักกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่ตื่นเต้นทั้งผู้เข้าแข่งขัน และผู้ชมนอกสนาม จึงได้รับความนิยมมาก

กีฬา Motocross จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 แบบ คือ โมโตครอส และ ซุปเปอร์ครอส 

1. แบบโมโตรครอส เป็นการจัดการแข่งขันกับถนน ที่มีระยะยาวพอสมควร จะเลือกใช้เนินเขาเป็นถนนหลัก และจัดทำการแข่งขันประมาณ 15-18 สนาม สามารถแบ่งเป็น 3รุ่น ดังนี้

• รุ่น MXA สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่ยังไม่เคย ได้แชมป์ Motocross มาก่อน 
• รุ่น MX2 สำหรับผู้เข้าแข่งขัน ที่เคยได้แชมป์มาแล้ว แต่ยังได้ไม่ถึง2สมัย
• รุ่น MXGR สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่เคยได้แชมป์โลกมาแล้ว 4สมัยขึ้นไป 

2. แบบซุปเปอร์ครอส เป็นการจัดการแข่งขัน ในโรงยิมที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีระยะทางที่ไม่ไกลมากเนื่องจากมีพื้นที่จำกัด จะเน้นการแข่งขันแบบหลายรอบ ประมาณ 20-25 รอบ ซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็น 2รุ่น ดังนี้ 

• รุ่น 250 SX จะเป็นการระบุปริมาณ CC ของรถมอเตอร์ไซต์ที่จะนำเข้าแข่งขัน ซึ่งจะต้องเป็นรถที่มี CC ไม่เกิน 250cc และต้องทำการแข่งขันทั้งหมด 20รอบสนาม
• รุ่น 450 SX จะเป็นการระบุปริมาณ CC ของรถมอเตอร์ไซต์ที่จะนำเข้าแข่งขัน ซึ่งจะต้องเป็นรถที่มี CC ไม่เกิน 450cc และต้องทำการแข่งขันทั้งหมด 25รอบสนาม

ประเภทของมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการแข่งขัน Motocross

มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้ทำการแข่งขัน จะต้องเป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก ซึ่งจะต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ตรงที่จะต้องมีความแข็งแรง ขับขี่ได้แบบลุย ๆ ขับขึ้นเขา ลงห้วย เข้าป่าได้แบบสบาย ๆ ต้องพร้อมรับมือกับอุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นสภาพพื้นถนน และสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ลักษณะรถมอเตอร์ไซค์วิบากที่เหมาะสม จะมีความสูง เพรียว ขับคล่องแคล่ว ว่องไว ซึ่งจะสามารถแยกรุ่นของรถมอเตอร์ไซค์วิบากได้ 3 รุ่น ดังต่อไปนี้ 

1.Motocross ที่จะเน้นการใช้งานจริงในการแข่งขัน มีลักษณะเล็ก น้ำหนักเบา กะทัดรัด ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน extreme sport เหมาะสำหรับขับขี่แบบลำบาก เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น ด้วยพละกำลังที่สูง ซึ่งจะต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไปตรงที่ จะตัดระบบไฟออกทั้งหมด ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้าและไฟท้าย หรือสำหรับบางคันจะตัดระบบวัดความเร็วออกด้วย ในส่วนของยางที่เหมาะกับการแข่งขันทางวิบาก จะต้องเป็นยางตุ่มหนา และมีความใหญ่ของหน้ายาง เพื่อยึดเกาะถนนได้ทุกรูปแบบ ทั้งฝุ่น ทรายและเลน

2.Enduro จะเป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก ที่จะไม่ตัดระบบไฟออก แต่จะยังคงเป็นมอเตอร์ไซค์ลุยดิบ ที่มีความสะดวกสบายมากกว่ารุ่นแรก เพราะจะมีไฟส่องสว่าง สำหรับเส้นทางที่มีแสงน้อย และยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งระบบไฟจะยังครบ ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้าและไฟท้าย พร้อมทั้งระบบวัดความเร็วด้วย แต่รถรุ่นนี้ จะยังมีน้ำหนักที่เบา ซึ่งเหมาะสำหรับ กีฬา extreme ที่ต้องลุยทางฝุ่น ทรายและเลน และยังเหมาะกับใช้วิ่งทางเรียบได้ด้วย

3.Motard โมตาร์ด เป็นรถมอเตอร์ไซค์วิบากที่มาพร้อมความสะดวกสบาย มากกว่าทั้งสองรุ่นแรก เพราะจะเน้นขับขี่บนท้องถนนทั่วไป มีลักษณะสวยงาม มีระบบไฟฟ้า และมาตรวัดความเร็ว ซึ่งเน้นขับขี่ท่องเที่ยว มากกว่านำมาใช้แข่งขัน แต่ยังไม่ทิ้งความเป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก ด้วยรูปร่างลักษณะและดีไซน์นั้นเอง ในปัจจุบันมีการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ ใหเ้คล้ายรถวิบากหลายยี่ห้อ แต่ความเป็นจริงไม่สามารถนำไปใช้ในการแข่งขัน Motocross ได้เน้นเป็นรถสวยงาม

ส่องนักแข่งมอเตอร์ครอสสายลุยของเมืองไทย